ZAM = Superdyma คุณสมบัติไม่แตกต่างกัน

เหล็กเคลือบ “แซม” (ZAM) หรือ “ซุปเปอร์ไดม่า” (Superdyma) ต่างกันอย่างไร

เหล็กเคลือบ “แซม” (ZAM) หรือ “ซุปเปอร์ไดม่า” (Superdyma) เป็นการเคลือบแผ่นเหล็กที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งเป็นวิธีเดียวกัน แต่ต่างแพราะชื่อเรียกทางการค้า ทำให้คนส่วนใหญ่ทั่วโลกคุ้นเคยกับคำว่า “แซม” (ZAM)  มากกว่า ด้วยคุณสมบัติจากส่วนผสมของ สังกะสี อลูมิเนียม และแมกนีเซียม  (Zinc Aluminium Magnezium) ด้วยอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วนำไปเคลือบพื้นผิวของเหล็ก ทำให้พื้นผิวของเหล็กถูกปกป้อง แข็งแรง ทนทาน มากขึ้นหลายเท่า ด้วยประสิทธิภาพของแร่ธาตุ ชั้นเคลือบผิวของ “แซม” (ZAM) จึงมีน้ำหนักเบา ทนการกัดกร่อนได้สูงกว่าเหล็กเคลือบแบบเดิมจึงเหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็น แผ่นเหล็กแบน ท่อ หรือ เหล็กกล่อง เป็นต้น ด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ความทนทานนี้เอง จึงได้ถูกนำเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตเมทัลชีท (Metal sheet) และแผ่นพื้นเมทัลเดค (Metal Deck)

ย้อนอดีตของ เหล็ก “แซม” (ZAM) หรือบางที่จะเรียกว่า เหล็ก “ซุปเปอร์ไดม่า” (Superdyma) นั้นมีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เทคนิคที่มีการผสมชั้นเคลือบจากโลหะแบบเดียวกัน และถือเป็นนวัตกรรมชั้นยอดที่เกิดจากอุตสาหกรรมเหล็กจากประเทศญี่ปุ่นที่ค้นคว้าและเป็นประเทศที่สำคัญในการผลิตเหล็กของโลก เพราะเนื่องจากญี่ปุ่นใช้เหล็กเป็นองค์ประกอบ สิ่งก่อสร้างในประเทศเป็นหลัก เพราะไม่ต้องการให้เหล็กเสื่อมสภาพเพราะสภาพภูมิประเทศ  อากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเสื่อมสภาพของเหล็ก  ทำให้มีการลงทุนพัฒนา การเคลือบชั้นผิวเหล็กจน เป็นผู้คิดค้นการเคลือบผิวนี้ด้วย “แซม” (ZAM) หรือ ส่วนผสมของ สังกะสี อลูมิเนียมและแมกนีเซียม (Zinc Aluminium Magnezium)  เป็นรายแรกของโลก พัฒนาจากเหล็กแบบเดิมที่ส่วนใหญ่เราจะเรียกว่าเหล็กจีไอ (GI) หรือ เหล็กซิงค์  คือ แผ่นเหล็กที่ผ่านการเคลือบสังกะสี ด้วยกรรมวิธีกัลวาไนซ์ หรือ การชุบเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-dip Galvanizing)  โดยมีการพัฒนา ให้มีการ เพิ่มส่วนของ สังกะสี (Zn) อะลูมิเนียม (Al) และแมกนีเซียม (Mg) ในชั้นเคลือบในอัตราส่วนที่เหมาะสม  โดยการเพิ่มธาตุแมกนีเซียมนี่เอง ทำให้เกิดชั้นที่เป็นออกไซด์หรือชั้นฟิล์ม และทำให้ได้สารเคลือบที่มีความสมบูรณ์ สามารถ ปกป้องเนื้อเหล็ก จากความชื้นของ น้ำ อากาศ ที่มีออกซิเจนผสมอยู่ ไม่ให้ทำปฎิกิริยาและเกิดการกัดกรอ่น และพอชั้นเคลือบเริ่มเกิดจากการกัดกร่อนของผิวนั้น ส่วนของแมกนีเซียมจะไหลมาซ่อมแซมช่องว่างนั้นที่เกิดจากการการหลุดร่อนออกไปของผิว ที่ไม่มีการป้องกัน ดังนั้นทั้งเหล็ก “แซม” ZAM และเหล็ก “ซุปเปอร์ไดม่า” Superdyma จึงเป็นเหล็กที่ซ่อมแซมตัวเองได้ เหมือนกัน ซึ่งในท้องตลาด ราคาของซุปเปอร์ไดม่าจะมีราคาสูงมาก

คุณสมบัติของเหล็ก “แซม” ZAM ที่นำมาทำแผ่นพื้นเหล็ก CONTEL METAL DECK

  1. ทำให้พื้น มีความสามารถในการทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็กจีไอ GI หรือเหล็กแบบเดิมๆ ได้ดีมากกว่า 10 เท่า
  2. ชั้นพื้นผิวของ พื้นลอนเหล็ก CONTEL METAL DECK มีประสิทธิภาพในการรักษา หรือซ่อมแซมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานพื้น COMPOSITE STEEL DECK และโครงสร้างเหล็ก (Steel Structure)
  3. ทำให้ พื้นเหล็ก มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเดิม หลายเท่า เพราะความสามารถในทนทานและซ่อมแซมตัวเองได้ของชั้นเคลือบ
  4. ทั่วโลกยอมรับ ประสิทธิภาพ การใช้การเคลือบ “แซม” ZAM  ว่าเป็นสินค้าที่ได้คุณภาพ มากที่สุดในปัจจุบัน ในการใช้ เป็นแผ่นพื้น หรือโครงสร้างเหล็กอื่น
  5. ราคาเหมาะสม ลูกค้าสามารถจับต้องได้ ใช้งานได้จริง

ข้อเสียของ “แซม” ZAM
เนื่องจาก “แซม” ZAM เป็นวัสดุที่มีการเคลือบผิวดีมากแทบจะไม่มีจุดอ่อนเลย ดังนั้น ข้อเสียเดียวคือ ราคา เนื่องจากบางที่ ยังถือว่าเป็น นวัตกรรมใหม่ จึงมีราคาสูง มากกว่าท้องตลาด และบางครั้งต้องรอวัตถุดิบ แต่ในปัจจุบัน การหาซื้อวัสดุ มีความง่ายและสะดวกขึ้น แต่อาจจะต้องสั่งเป็นปริมาณเยอะต่อครั้ง

ดังนั้น ด้วยประสิทธิภาพข้อดีที่กล่าวมา ของการเคลือบผิวด้วย “แซม” ZAM ทาง CONTEL METAL DECK จึงได้เลือกใช้เหล็กที่มีชั้นเคลือบผิว “แซม” ZAM ในการจัดจำหน่ายแผ่นพื้นเหล็ก ในการติดตั้งพื้นแบบ COMPOSIT STEEL DECK เพื่อการปกป้องที่ยาวนาน คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป  เพราะ การเลือกใช้งาน ของสินค้าประเภทเหล็กนั้น ต้องมีการเลือกใช้ จาก วัตถุดิบ ที่มีชั้นเคลือบผิวที่เหมาะ ที่พร้อมจะปกป้องจากสภาพอากาศ โดยเฉพาะอากาศในประเทศไทยที่ทั้งมีความร้อน ชื้นสูง  และ “แซม” ZAM ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของการเคลือบผิวเหล็ก ณ ตอนนี้

ช่องทางการติดต่อ ConTel Metal Deck

LINE : @contelmetaldeck

Tel. 083 699 6697

บทความที่เกี่ยวข้อง

แผ่นพื้นสำเร็จรูปคืออะไร มีกี่แบบ

แผ่นพื้นสำเร็จรูปคืออะไร? มีกี่แบบ?

แผ่นพื้นสำเร็จรูปคืออะไร? มีกี่แบบ? ในโลกของการก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความต้องการในเรื่องของความรวดเร็ว ความคุ้มค่า และความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

อ่านต่อ »